การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้นิทานพื้นบ้าน ของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี
Keywords:
ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ, นิทานพื้นบ้าน, ตำนานเทพเจ้าAbstract
ในบรรดาทักษะภาษาอังกฤษอันประกอบไปด้วยทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนนั้น ทักษะที่มีความ
จำเป็นมากที่สุดทักษะหนึ่งคือทักษะการอ่าน ซึ่งต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และในการศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษาซึ่งจะต้องอ่านตำราที่เป็นภาษาอังกฤษ ทั้งนี้นิทานพื้นบ้านเป็นเนื้อหาที่มีความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ใช้ภาษาเข้าใช้ง่าย ผู้วิจัยจึงนำนิทานพื้นบ้านมาใช้กับการเรียนการสอนอ่าน
งานวิจัยเรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านโดยใช้นิทานพื้นบ้านของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์การอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้นิทานพื้นบ้าน 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนในวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก กลุ่มตัวอย่างคือนักศึกษาสาขาภาษาอังกฤษ ครุศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมีดังนี้ 1)แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์การอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้นิทานพื้นบ้านประเภทตำนานเทพเจ้าและ 2) แบบสอบถามความความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนในวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็กสถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและทดสอบค่าที (t-test dependent)
ผลการวิจัยพบว่า
- การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การอ่านโดยใช้นิทานพื้นบ้านประเภทตำนานเทพเจ้า 5 เรื่องก่อน และหลังเรียน นักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี มีค่าเฉลี่ยผลการทดสอบก่อนเรียนเท่ากับ =20.18 และค่าเฉลี่ยผลการทดสอบหลังเรียนเท่ากับ =23.08 จากคะแนนทั้งหมด 40 คะแนน เมื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบผลสัมฤทธิ์การอ่าน ก่อนและหลังเรียนของนักศึกษา พบว่ามีผลการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01
- ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนในวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็กเพื่อพัฒนาโดยใช้นิทานพื้นบ้านพบว่านักศึกษามีความพึงพอใจต่อการเรียนในวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็กเพื่อพัฒนาโดยใช้นิทานพื้นบ้านในระดับมากที่สุด
สรุปได้ว่าการใช้นิทานพื้นบ้านสามารถช่วยพัฒนาทักษะการอ่านของนักศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ภาษาเข้าใจง่าย ทำให้นักศึกษามีความพึงพอใจในการเรียนวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็กค่อนข้างมาก
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
Copyright (c) 2020 วารสารวิชาการคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-ShareAlike 4.0 International License.